สำเนาจาก http://www.thairath.co.th/7_1_2002/ntoday/page1/p1_6.html


.

สูญเสียครั้งใหญ่ ศ.สัญญา ธรรมศักดิ์ ถึงแก่อสัญกรรม!

การสูญเสียปูชนียบุคคลที่ทำคุณประโยชน์ ให้แก่ชาติบ้านเมืองมาช้านาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงที่บ้านเมืองเกิดวิกฤติทางการเมืองเมื่อเดือนตุลาคม 2516 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลรามาธิบดี แจ้งว่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์ชาญ เกียรติบุญศรี แพทย์เจ้าของไข้รายงานผลการรักษาศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ อดีตประธานองคมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตประธานศาลฎีกา อดีตประธานองค์การ พุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก และอดีตนายกพุทธสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งองคมนตรี ที่เข้ารับการรักษาตัวด้วยอาการตกเลือดในทางเดินอาหาร เฉียบพลันที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยคณะแพทย์ตรวจพบจุด ที่เลือดไหลและให้การรักษาจนเลือดหยุดได้ ตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค. ต่อมา ศาสตราจารย์สัญญา ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เนื่องจากมีอาการไตวาย ขณะที่สภาวะไหลเวียนโลหิต เกลือแร่ และเม็ดเลือดต่างๆดีขึ้น แต่การเต้นของหัวใจเริ่มผิดปกติตั้งแต่เวลา 21.40 น. ในวันที่ 5 ม.ค. คณะแพทย์ได้ให้การรักษาอย่างสุดความสามารถ แต่ไม่สามารถแก้ไขได้ และได้ถึงแก่ อสัญกรรม อย่างสงบ เมื่อเวลา 06.46 น.รวมสิริอายุได้ 94 ปี 9 เดือน

ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นบุตรของมหาอำมาตย์ตรีพระยาธรรมสารเวทย์วิเศษภักดี (ทองดี ธรรมศักดิ์) กับคุณหญิงชื้น ธรรมสารเวทย์ เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2450 ที่บ้านข้างวัดอรุณราชวราราม ตำบลบางกอกใหญ่ จังหวัดธนบุรี สมรสกับท่านผู้หญิงพงา ธรรมศักดิ์ (เพ็ญชาติ) มีบุตรรวม 2 คน


สำหรับผลงานและเกียรติประวัติของศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ เริ่มชีวิตราชการใน ตำแหน่งผู้พิพากษาฝึกหัด กระทรวงยุติธรรม จากนั้นมีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่ ราชการเป็นลำดับ และประสบความสำเร็จได้รับตำแหน่งสำคัญระดับชาติและนานาชาติ หลายตำแหน่ง อาทิ ใน พ.ศ.2496 เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.ศ.2506 เป็นประธานศาลฎีกา พ.ศ.2511 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เป็นองคมนตรี พ.ศ. 2516 ได้รับ พระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีติดต่อกัน 2 สมัย ในช่วงวิกฤติของบ้านเมือง นับเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 12 และระหว่างนั้นได้จัดร่างรัฐธรรมนูญ ต่อมาใน พ.ศ. 2518 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เป็นประธานองคมนตรี จนถึง พ.ศ.2541 จึงลาออกจากตำแหน่งประธานองคมนตรี เนื่องจากสุขภาพไม่แข็งแรง แต่ยังดำรงตำแหน่งองคมนตรีอยู่ต่อไป นอกจากนี้ ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ยังได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลกระหว่าง พ.ศ.2527-2540 และจากการเป็นอาจารย์สอนวิชากฎหมาย มีบทบาทสำคัญต่อแวดวงนิติศาสตร์ไทย ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ระหว่าง พ.ศ. 2514-2516 ได้รับปริญญา นิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อ พ.ศ.2506, 2517 และ 2525 ตามลำดับ กระทั่งใน พ.ศ.2537 สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้พิจารณาลงมติให้ดำรงตำแหน่ง "ธรรมศาสตราจารย์"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังข่าวถึงแก่อสัญกรรมของศาสตราจารย์สัญญาแพร่ออกมา บรรดาบุคคลที่เคยเกี่ยวข้องด้วยในด้านต่างๆได้ร่วมแสดงความอาลัย และกล่าวถึงว่าเป็น การสูญเสียบุคคลสำคัญของประเทศ อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมต.ประจำสำนัก นายกรัฐมนตรี อดีตแกนนำนักศึกษายุค 14 ตุลาคม กล่าวว่า ศาสตราจารย์ สัญญาได้ทำคุณประโยชน์อย่างใหญ่หลวงให้แก่ประเทศ ไทย เพราะในยุค 14 ตุลาคม ที่บ้านเมืองวุ่นวายสับสนกำลัง รอรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในขณะนั้นก็ได้ท่านมาเป็นนายกฯ สามารถนำพาบ้านเมืองผ่านพ้นวิกฤติไปได้ และทำให้ ช่วงเวลานั้นมีการวางรากฐาน ประชาธิปไตย ท่านเป็นบุคคล ที่เปิดกว้าง รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย จะเห็นได้ว่ากลุ่ม นักศึกษาที่มีบทบาททางการเมืองในขณะนั้นได้รับ ความสนใจและความสำคัญจากท่านมาก นอกจากนี้ ท่านยังถือเป็นแบบอย่างของคนที่ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มีขันติธรรม ทำให้ประเทศชาติได้รักษาและพัฒนาระบอบประชาธิปไตยมาได้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ

เช่นเดียวกับ นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ รมช. เกษตรฯ อดีตแกนนำนักศึกษา เจ้าของฉายา "ไอ้ก้านยาว" กล่าวว่า รู้สึกช็อกและเสียใจเป็นอย่างมาก บรรดาแกนนำ นักศึกษาและลูกศิษย์ ของอาจารย์สัญญาต่างก็ช็อกไปตามๆ กัน แม้จะรู้ว่าวันหนึ่งต้องมาถึงเพราะท่านป่วยมานาน จึงต้องขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัว ตลอดจนญาติสนิทมิตรสหายของท่าน และถือว่าเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ทางการเมือง เพราะท่านเป็น สัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ ยุติธรรม และการต่อสู้ทางการเมืองด้วยอสิงหา ในช่วงรอยต่อ ระหว่างประชาธิปไตยกับ เผด็จการ ท่านเข้ามาทำให้การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ของประเทศไม่มีความรุนแรง ถือเป็นสิ่งที่ควรเชิดชูและอยากให้นักศึกษา ประชาชนทั่วไป ได้ศึกษาแนวทางการดำรงชีพอย่างเรียบง่าย สมถะ รวมทั้งแนวคิดแบบอสิงหา เพื่อเป็นแนวทาง ขับเคลื่อนในสังคม ทั้งนี้ บรรดาแกนนำ นักศึกษายุค 14 ตุลา คงจะรวมตัวกันเพื่อประกอบ การกุศล แด่ท่านด้วย ขณะที่ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตแกนนำนักศึกษาในยุคเดียวกันบอกว่า อาจารย์สัญญาเป็นผู้ใหญ่ในยุคบ้านเมืองวิกฤติ ท่านได้รับความไว้วางใจจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี คนกลาง ทำให้บ้านเมืองกลับ มาสู่ความสงบสุข ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมือง อยู่ระหว่างรอรัฐธรรมนูญใหม่เมื่อ พ.ศ. 2517 ท่านมีคุณูปการต่อบ้านเมืองมาตลอด ถือได้ว่าเป็นแบบอย่างที่ควรเคารพนับถือ การจากไปของท่านทุกคนเสียใจ และคงจะรำลึก ถึงคุณงามความดีของท่านตลอดไป ทั้งนี้ ในส่วนของรัฐบาล คงจะศึกษารายละเอียดอีกครั้งว่า รัฐบาลควรจะเข้าไปมีบทบาทร่วมอย่างไร

ด้านนายเกรียงกมล เลาหไพโรจน์ หนึ่งในอดีตแกนนำนักศึกษาในยุค 14 ตุลาคม กล่าวว่า ยุคอาจารย์สัญญาเป็นนายกฯ ประชาชนเริ่มรู้สึกและตื่นตัวถึงประชาธิปไตย และเรียกร้อง ถึงความก้าวหน้าทางสังคม จึงเกิดการต่อสู้ เรียกร้องของนักศึกษา กรรมกร ชาวนาอย่าง ต่อเนื่อง การเป็นนายกฯในช่วงนั้น จึงถือเป็นเรื่องที่หนักมาก อย่างไรก็ตาม มรดกที่อาจารย์ สัญญามอบไว้ต่อบ้านเมืองสำคัญที่สุดคือ การร่างกฎหมายเพื่อเกษตรกร เพื่อปกป้องไม่ให้ ที่ดินทำกินกลายเป็นของคนรวย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อคนยากจนมาจนถึงทุกวันนี้

ขณะที่นายธีรยุทธ บุญมี แกนนำสำคัญสมัย 14 ตุลา อีกคนหนึ่งบอกว่า สมัยที่อาจารย์สัญญา ดำรงตำแหน่งนายกฯ เป็นช่วงที่อยู่ในยุคของความขัดแย้งในบ้านเมือง แต่ท่านก็ได้รับการ ยอมรับจากทุกฝ่าย นอกจากเป็นตัวกลางในการประสานความขัดแย้งแล้ว ท่านมีบทบาท สำคัญในการเสนอให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2517 ซึ่งถือเป็นรัฐธรรมนูญที่เรียกว่า เป็นประชาธิปไตยมากที่สุดฉบับหนึ่งในยุคนั้น จากที่เคยร่วมงานกับท่านทำให้ รู้สึกถึงความ เสียสละของท่าน ที่ต้องกระโดดเข้ามาในช่วงที่บ้านเมืองกำลังยุ่งยาก การเข้ามาบริหาร ประเทศต้องใช้ความอดทนสูงมาก ซึ่งคนในยุค 14 ตุลา ต่างมองว่าท่านเป็นผู้ที่มีความเมตตาสูง

ส่วนนายพีรพล ตริยะเกษม อดีตนายกองค์การนักศึกษาธรรมศาสตร์ สมัย 14 ตุลา กล่าวว่า การจากไปของอาจารย์สัญญา เป็นการสูญเสียบุคคลที่ทรงคุณค่าของประเทศ ท่านเป็นคน ที่ใช้ความประนีประนอม เพื่อความสงบสุขในสังคม สมัยท่านตำแหน่งนายกรัฐมนตรียัง ออกกฎหมายสำคัญๆ เช่น การปฏิรูปที่ดิน กฎหมายเกี่ยวกับการปราบปรามคอรัปชัน ตลอดจนเรียกร้องให้มีการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งคุณูปการของอาจารย์ที่มีต่อสังคมตลอดมา เป็นตัวอย่างให้คนที่จะมาเป็นข้าราชการและนักการเมืองนำไปใช้เป็นแบบอย่าง

สำหรับพิธีศพของศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นพ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ บุตรชายของศาสตราจารย์สัญญา ว่าขณะนี้ตั้งศพอยู่ที่บ้านซอย สุขุมวิท 41 ยังไม่มีพิธีศพ มีแต่ญาติพี่น้องรวมทั้งผู้ที่เคารพนับถือ มาแสดงความเคารพ แต่ในวันที่ 7 ม.ค. เวลา 14.00 น. จะเคลื่อนศพไปตั้งที่ศาลาทรงธรรม วัดเบญจมบพิตรดุสิต วนาราม จากนั้นในเวลา 17.00 น. เป็นพิธีอาบน้ำศพ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พร้อมด้วยเครื่องเกียรติยศ ประกอบศพ โกศกุดั่นน้อย ฉัตรเครื่องสูงทองแผ่ลวดตั้งประดับ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่ กลองชนะประโคมเวลาพระราชทานนํ้าหลวงอาบศพ ณ พระที่นั่งทรงธรรม และทรงรับศพ ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ โดยตลอด มีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 7 คืน กับพระราชทานพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระราชธิดาในรัชกาลที่ 6 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ ฯลฯ วางหน้าโกศ ในการนี้สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จ พระราชดำเนินไปในการพระราชทาน น้ำหลวงอาบศพ ผู้มาร่วมงานแต่งกายเครื่องแบบเต็มยศ ไว้ทุกข์

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการอสัญกรรมของศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ว่า เป็นการสูญเสียบุคลากรที่สำคัญของไทย เพราะท่านเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี อดีตประธานศาลฎีกาและอดีตประธานองคมนตรี ซึ่งทางรัฐบาลจะรับเป็นเจ้าภาพและตน จะไปร่วมพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพในวันที่ 7 ม.ค. ด้วย

ในวันเดียวกัน สำนักข่าวเอพีรายงานข่าวการถึงแก่อสัญกรรมของศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์อดีตนายกรัฐมนตรี ของไทยไปทั่วโลก โดยสดุดีเกียรติคุณของอดีตนายกรัฐมนตรี ของไทยท่านนี้ว่า เป็นผู้นำเสถียรภาพของประเทศไทย กลับคืนมาหลังเกิดเหตุการณ์ประท้วง นองเลือดโค่นล้มอำนาจเผด็จการทหารเมื่อเดือนตุลาคม 2516 พร้อมกันนั้น เอพียังได้ตีพิมพ์ ประวัติและผลงานของอดีตนายกรัฐมนตรี สัญญา ธรรมศักดิ์ อย่างละเอียดอีกด้วย

Copy right(c)2000 by Vacharaphol Co.,Ltd.
1 Viphavadirangsit Rd. Bangkok 10900 ThailandTel.(662) 272-1030 Fax. (662) 272-1324